โบรกแนะดักเก็บ! หุ้นรับประโยชน์ “ส่งออก-ราคาน้ำมันลง”

บล.พาย แนะดักเก็บหุ้นรับประโยชน์จากส่งออกขยายตัวขึ้น อาทิ กลุ่มอาหารแปรรูป, อาหารทะเลแช่แข็ง, ไก่สด, อาหารสัตว์เลี้ยง, รถยนต์, แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องดื่ม พร้อมเน้นกลุ่มได้ประโยชน์น้ำมันลง อย่างไรก็ตามประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหว 1,615–1,628 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 ก.ย. 65) กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกประจำเดือน ส.ค. 65 ขยายตัว 7.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และนำเข้าขยายตัว 21.3% จากงวดเดียวกันซองปีก่อน เทียบกับตลาดคาดการณ์ (ส่งออกขยายตัว 7.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน นำเข้า 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) แต่ดุลการค้าติดลบ 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเทียบกับตลาดคาดที่ 3 พันล้านตอลลาร์สหรัฐฯ ภาวะดังกล่าวสะท้อนเงินไหลออกมากกว่าไหลเข้าสร้างแรงกดตันต่อการอ่อนค่ของเงินบาทต่อเนื่องล่าสุดเซ้านี้ทดสอบ 37.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับจากประเด็นข้างต้นทำให้ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) มองกลุ่มส่งออกไต้ประโยชน์ ได้แก่ ASIAN, TU แต่กับภาวะเศรษฐกิจจะเป็นตัวสร้างแรงกตดันงินเฟ้อ ด้านสินค้าข้างในพบว่าขยายตัวได้ดีจากสินค้าเกษตรโดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูปอาหารทะเลแซ่แข็ง ไก่สด อาหารสัตว์เลี้ยง

ขณะที่ต้านสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ประกอบไปด้วย รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 22.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ประเมินว่าหุ้นได้ประโยชน์จากอาหารแปรรูปและอาหารสัตว์ได้แก่ ASIAN, TU ไก่สดแช่แข็งไต้แก่ GFPT, TFG ส่วนได้ประโยชน์จากรถยนต์ขยายตัว ได้แก่ AH, EPG, SAT รวมถึงแผงวงจรไฟฟ้าได้แก่ HANA, KCE และเครื่องดื่มได้แก่ CBG, OSPICHI, SAPPE

อย่างไรก็ตามสินค้าอุตสาหกรรมหากพิจารณาจากต้นปีถึงปัจจุบัน ยังเป็นการหดตัวสะท้อนถึงอุปสงค์ โลกที่อ่อนแรงแต่กับสินค้าเกษตรพบว่าจากเดือนก่อนหน้า และจากต้นปีถึงปัจจุบันยังขยายตัวได้ดี สะท้อนถึงสินค้าจาเป็นยังมีความต้องการและมองแนวโน้ม เติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนต่างประทศปัจจุบันพบว่าความคาดหวังเงินเฟ้อเริ่มปรับลดลง (5 Year 5 Year forward Inflation Expectation จากข้อมูลของ FRED) สะท้อนถึงความกังวลเงินเอที่กลับมาลดลงอีกครั้ง ส่วนนึงเชื่อว่าเกิดขึ้นจากราคาสินค้า โภคภัณฑ์ที่ปรับลดลง

ขณะที่ข้อมูลจาก CME Fed Watch ระบุว่า 67.5% ให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ 73% และโอกาสขึ้นตอกเบี้ย 0.50% เริ่มเพิ่มขึ้นมาเป็น 32.5% จาก 27% ขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones ก็ปรับฐานลงมาแล้วจากจุดสูงสุดก่อนหน้า 13% จึงมีความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้น Dow Jones จะเริ่มฟื้นตัวได้บ้างหลังจากนี้หนุนจากประเต็นผ่อนคลายดอกเบี้แต่ก็เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้น เชิงกลยุทธ์การลงทุนสาหรับ Trading แนะนำกลุ่มต้ประโยชน์น้ำมันลงต้แก่ SCGP, SCC, TOA รวมถึงโรงไฟฟ้าไต้แก่ BGRIM, GPSC กลุ่มอาหารได้แก่ ASIAN, GFPT, TU และธนาคารพาณิชย์ได้แก่ BBL, KBANK, SCB

อย่างไรก็ตามประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,615 – 1,628 จุด

สำหรับหุ้นท็อปพิกยกให้เป็น SCGP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66.00 บาท คาดว่ากาไรจะปรับดีขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่ไดรมาส 3/65 หนุนจากทิศทางในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น บวกกับอุปสงค์ต่อปริมาณจากตลาดในและนอกประเทศที่ปรับดีขึ้น ราคาเยื่อกระดาษที่สูงและทิศทางกระดาษรีซเคิลที่ลตลงจากต้นทุนขนส่งที่ลดลง และอุปสงค์สะสมในจีนที่อาจช่วยเป็นกันซนต่ออัตรากาไรได้

พร้อมกับหุ้น GFPT แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.50 บาท คาดแนว โน้มช่วงไตรมาส 3/65 คาดกำไรยังทรงตัวในระตับสูงกว่า 400 ล้านบาท ต้หลังจากราคานื้อไก่ในปัจจุบันยังคงยืนในระดับสูงได้อยู่ (บางวันสูงกว่า 50 บาทกก.) และการส่งออกที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากทางญี่ปุ่นและจีน

ที่มา : https://www.kaohoon.com/news/560050